Close
ย้อนรอยกิจการบินของไทย ก่อนเข้าสู่งานครบรอบ 88 ปี กองทัพอากาศ

ย้อนรอยกิจการบินของไทย ก่อนเข้าสู่งานครบรอบ 88 ปี กองทัพอากาศ

วันนี้ DTech จะพาย้อนรอยกลับไปดูความเป็นมาของกิจการบินของไทย ที่เริ่มต้นในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชาวต่างประเทศ ได้นำเครื่องบินมาแสดงให้ชาวไทยได้ชมเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2454 ทำให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพในสมัยนั้นพิจารณาเห็นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีเครื่องบินไว้เพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดแก่ประเทศชาติในอนาคต ด้วยเหตุนี้กระทรวงกลาโหมจึงได้ตั้ง “แผนกการบิน” ขึ้นในกองทัพบก พร้อมทั้งได้คัดเลือกนายทหารบก 3 คน ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมไปศึกษาวิชาการ ณ ประเทศฝรั่งเศส อันได้แก่ พันตรีหลวงศักดิ์ศัลยาวุธ ร้อยเอกหลวงอาวุธสิขิกร และร้อยโททิพย์ เกตุทัต ทั้ง 3 ท่านนี้ในเวลาต่อมาได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ ตามลำดับ คือ พลอากาศโท พระยาเฉลิมอากาศ, นาวาอากาศเอก พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ และนาวาอากาศเอก พระยาทะยานพิฆาต โดยกองทัพอากาศได้ยกย่องให้เป็น “บุพการีของกองทัพอากาศ”

ในขณะที่นายทหารทั้งสามกำลังศึกษาวิชาการบินอยู่นั้น ทางราชการได้สั่งซื้อเครื่องบินรวมทั้งมีผู้บริจาคเงินร่วมสมทบซื้อด้วยเป็นครั้งแรกจำนวน 8 เครื่อง คือเครื่องบินเบรเกต์ปีก 2 ชั้น จำนวน 4 เครื่อง และเครื่องบินนิเออปอรต์ปีกชั้นเดียว จำนวน 4 เครื่อง อันอาจกล่าวได้ว่ากำลังทางอากาศของไทยเริ่มต้นจากนักบินเพียง 3 คน และเครื่องบินอีก 8 เครื่องเท่านั้น

การบินของไทยในระยะแรกได้ใช้สนามม้าสระปทุมหรือราชกรีฑาสโมสรในปัจจุบันเป็นสนามบิน แต่ด้วยความไม่สะดวกหลายประการ บุพการีทั้ง 3 ท่าน จึงได้พิจารณาหาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมต่อการบิน และได้เลือกเอาตำบลดอนเมืองเป็นที่ตั้งสนามบิน พร้อมทั้งได้ก่อสร้างอาคารสถานที่โรงเก็บเครื่องบินอย่างถาวรขึ้น เมื่อการโยกย้ายกำลังพล อุปกรณ์ และเครื่องบิน ไปไว้ยังที่ตั้งใหม่เรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2457 กระทรวงกลาโหมจึงได้สั่งยกแผนกการบินขึ้นเป็น “กองบินทหารบก” ซึ่งถือได้ว่ากิจการการบินของไทยได้วางรากฐานอย่างมั่นคงขึ้นแล้ว ทั้งนี้ กองทัพอากาศจึงถือเอาวันที่ 27 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันที่ระลึกกองทัพอากาศ” นับแต่นั้นมา

บทบาทของกำลังทางอากาศได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญ และมีการพัฒนาอย่างเป็นลำดับ นับตั้งแต่การเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 กับพันธมิตรในยุโรป เมื่อปี พ.ศ. 2460 ซึ่งทำให้ชื่อเสียงและเกียรติภูมิ ของชาติเป็นที่ยอมรับและยกย่องเป็นอันมาก และทางราชการได้ยกฐานะกองบินทหารบกขึ้นเป็น “กรมอากาศยานทหารบก”

ในเวลาต่อมากำลังทางอากาศได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติทางด้านต่าง ๆ อันเป็นรากฐานของกิจการหลายอย่างในปัจจุบัน อาทิ การบินส่งไปรษณีย์ทางอากาศ การส่งแพทย์ และเวชภัณฑ์ทางอากาศ เป็นต้น

กระทั่งปัจจุบันกองทัพอากาศไทย ได้ปฏิบัติภารกิจตามยุทธศาสตร์กองทัพอากาศ 20 ปี พ.ศ.2561 – 2580 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563) ที่กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า “Unbeatable Air Force” กองทัพอากาศที่แข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพ คือ การเป็นกองทัพอากาศที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพนั้น เป็นการเตรียมความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยและมีขีดความสามารถเท่าเทียมในการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค สามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกันทั้งภารกิจการรบ และมิใช่การรบ โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ

โดยมีภารกิจ 2 ด้านหลัก คือภารกิจตามกฎหมาย โดยกองทัพอากาศมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพอากาศและป้องกันราชอาณาจักร พร้อมการพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดความขัดแย้งในระดับต่าง ๆ โดยดำรงระดับความพร้อมของขีดความสามารถอยู่ตลอดเวลา ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพกำลังทางอากาศให้มีคุณภาพ และครอบครองเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมิตรประเทศและดำรงความเข้มข้นในความรับผิดชอบต่อภารกิจตามกฎหมายโดยเฉพาะในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ และการพัฒนาประเทศตามแนวคิดทางยุทธศาสตร์ และภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย ให้มีความพร้อมปฏิบัติการทั้งในส่วนของยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถไปปฏิบัติงานร่วมกับต่างประเทศได้ พร้อมกำลังพลในรูปของหน่วยบิน/หน่วย-ชุดปฏิบัติการ/เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญประเภทต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายร่วมกับกำลังของต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นลำดับ ได้แก่ การรักษาสันติภาพ การช่วยเหลือมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติ

นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตามพันธกิจ ทั้ง 2 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการเตรียมความพร้อม โดยกองทัพอากาศต้องเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติภารกิจภายใต้การจัดโครงสร้างกำลังรบและส่วนสนับสนุนที่เหมาะสมภายใต้การบริหารจัดการ การฝึกอบรมการพัฒนากำลังพล และการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ ให้สามารถวางกำลังหน่วยปฏิบัติการในระดับต่าง ๆ ได้อย่างเต็มความสามารถ โดยกองทัพอากาศแบ่งกลุ่มฐานที่ตั้งเป็นฐานบินปฏิบัติการหลัก ฐานบินปฏิบัติการหน้า ฐานบินปฏิบัติการกิจพิเศษ และฐานบินปฏิบัติการสำรอง รวมถึงการประกอบกำลังที่มีหน่วยตัดสินตกลงใจ โดยมีศูนย์ปฏิบัติการในแต่ละระดับ สามารถบัญชาการและควบคุมตามที่ได้รับมอบอำนาจ เพื่ออำนวยการปฏิบัติการใช้กำลังกองทัพอากาศทั้งในประเทศและนอกประเทศ และด้านการใช้กำลัง ที่กองทัพอากาศมีพันธกิจในการใช้กำลังกองทัพอากาศตั้งแต่ในยามปกติ คือ การเฝ้าตรวจระวังภัยทางอากาศ ซึ่งรวมถึงการควบคุมเส้นทางสัญจรเข้าออกรอบประเทศ รวมทั้งการใช้กำลังเพื่อสนับสนุนงานด้านความมั่นคงภายใน และการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติในยามวิกฤตต่าง ๆ ตลอดจนการพัฒนาประเทศและการช่วยเหลือประชาชน เช่น การต่อต้านอาชญากรรม การปราบปรามยาเสพติด การสำรวจและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การบรรเทาสาธารณภัย การฟื้นฟูภัยพิบัติ การลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ และการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย เป็นต้น และในยามสงคราม กองทัพอากาศต้องพร้อมที่จะใช้กำลังกองทัพอากาศในการดำเนินกลยุทธ์ร่วมกับหน่วยกำลังอื่น ๆ ทั้งในการป้องกันประเทศ การพิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติ และการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในทุกระดับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Close