Close
“APEC 2022 Thailand” สำคัญอย่างไรกับประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุม

“APEC 2022 Thailand” สำคัญอย่างไรกับประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุม

เรื่องและภาพ: กองบรรณาธิการ ข้อมูล: ส่วนบริหารงาน WTO/APEC สำนักอเมริกา แปซิฟิกและองค์การระหว่างประเทศ 

Asia-Pacific Economic Cooperation หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ APEC นั้น เป็นเวทีการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ที่มีความสำคัญระดับโลก มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีการค้า การลงทุน ความร่วมมือในด้านมิติสังคมและการพัฒนาด้านอื่น ๆ ซึ่งในปี พ.ศ. 2565 นี้ ประเทศไทยยังได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC รวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายนที่ผ่านมาอีกด้วย

ทำความรู้จักกับ “APEC”

ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก (APEC : Asia-Pacific Economic Cooperation) เป็นเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2532 โดยมีเป้าหมายหลักคือ ส่งเสริมการเปิดเสรีการค้า การลงทุน รวมถึงความร่วมมือในด้านมิติสังคมและการพัฒนาด้านอื่น ๆ เช่น ความร่วมมือด้านการเกษตร การส่งเสริมบทบาทสตรีในเศรษฐกิจ การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และการพัฒนาด้านสาธารณสุข เพื่อนำไปสู่การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ยั่งยืน และความมั่งคั่งของประชาชนในภูมิภาค

ปัจจุบัน APEC มีสมาชิกจำนวน 21 เขตเศรษฐกิจ ประกอบด้วยมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น แคนาดา เกาหลีใต้ และรัสเซีย โดยมีไทยเป็นหนึ่งใน 12 เขตเศรษฐกิจผู้ร่วมก่อตั้ง ทั้งนี้ APEC มีประชากรรวมกว่า 2,900 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของโลก มีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) รวมกันกว่า 53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,700 ล้านล้านบาท เกินครึ่งของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าโลก

กลไกการทำงานของ APEC

กลไกการทำงานของ APEC แบ่งการดำเนินงานออกเป็นระดับต่าง ๆ ดังนี้

1. ระดับนโยบาย

  1.1 การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC (APEC Economic Leaders’ Meeting หรือ AELM)

  1.2 การประชุมรัฐมนตรี APEC (APEC Ministerial Meeting หรือ AMM)

  1.3 การประชุมรัฐมนตรีการค้า APEC (APEC Ministers Responsible for Trade Meeting หรือ MRT)

  1.4 การประชุมรัฐมนตรีคลัง APEC (APEC Finance Ministerial Meeting หรือ FMM)

  1.5 การประชุมรัฐมนตรีสาขาต่าง ๆ (Sectoral Ministerial Meetings)

2. ระดับปฏิบัติ

การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Officials’ Meeting หรือ SOM) ซึ่งกำกับดูแลผลการประชุมของคณะกรรมการหลัก 4 เสาคือ (1) คณะกรรมการว่าด้วยการค้าและการลงทุน (Committee on Trade and Investment หรือ CTI) (2) คณะกรรมการด้านงบประมาณและการบริหาร (Budget and Management Committee หรือ BMC) (3) คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ (Economic Committee หรือ EC) และ (4) คณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (Steering Committee on Economic and Technical Cooperation หรือ SCE) และมีการประชุมระดับคณะทำงานอีกจำนวนมากภายใต้คณะกรรมการทั้ง 4 

3. สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ APEC (APEC Business Advisory Council หรือ ABAC) ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คู่มือ APEC หัวข้อหลัก (Theme) และประเด็นสำคัญ (Priorities) ที่ไทยผลักดันในการเป็นเจ้าภาพ APEC

APEC ความร่วมมือของ 21 เขตเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 

ตลอดปี พ.ศ. 2565 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประธานและเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น มีความสำคัญมากและนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบเศรษฐกิจโลกด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ คือ

ประการแรก “APEC 2022 Thailand” คือ ความร่วมมือของ 21 เขตเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ประชากรของทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจรวมกันครอบคลุมประชากรมากกว่า 3 พันล้านคน หรือคิดเป็น 38% ของประชากรของทั้งโลก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นกลุ่มประชากรที่มีความน่าสนใจมากที่สุด เพราะตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา กำลังซื้อของประชากรกลุ่มนี้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พิจารณาได้จากสัดส่วนของประชากรของ 21 เขตเศรษฐกิจที่ดำเนินชีวิตอยู่ใต้เส้นขีดความยากจนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากที่มีสัดส่วนของคนจนสูงถึง 41.7% ของประชากรในปี พ.ศ. 2533 แต่ในปัจจุบันตัวเลขนี้ลดต่ำลงเหลือเพียง 1.8% ของประชากร APEC เท่านั้น ที่ยังอยู่ในสถานะยากจน กลุ่มประชากรของ “APEC 2022 Thailand” จึงเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันราว 2 ใน 3 ของมูลค่าผลผลิตมวลรวมของทั้งโลก หรือคิดเป็นตัวเงินกว่า 50 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการค้าระหว่าง 21 เขตเศรษฐกิจ ยังเทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของทั้งโลก

ตลอดช่วงเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จากปี พ.ศ. 2533 – 2563 มูลค่าการลงทุนระหว่างประเทศภายในกลุ่มสมาชิก APEC เพิ่มขึ้นจาก 45.2% เป็น 67.9% จึงจะเห็นได้ว่า 21 เขตเศรษฐกิจนี้คือผู้ลงทุนรายสำคัญที่ต่างก็ลงทุนภายในกลุ่ม APEC ด้วยกันเอง ซึ่งการลงทุนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องนี้ เป็นผลมาจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่าง APEC ที่เน้นสร้างความร่วมมือในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitations: TFs) ได้แก่ การลด ละ เลิกมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี การสร้างความร่วมมือเพื่อให้พิธีการทางศุลกากรมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ลดความซับซ้อนลง หรือ การอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจ APEC ได้ทำให้ดัชนีความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business: EoDB Index) เฉลี่ยของทั้งกลุ่มปรับตัวสูงขึ้นกว่า 11.3%

APEC คือ การประชุมที่ครอบคลุมเกือบทุกมิติในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในภาพรวมการประชุม APEC มีขอบเขตและรายละเอียดของการประชุมครอบคลุมเกือบจะทุกมิติในทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยสามารถจำแนกออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

1. การอำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุน และการดำเนินธุรกิจ

2. การบูรณาการระบบเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงในมิติต่างๆ

3. การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยที่ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์ร่วมกัน (Inclusive)

4. การสร้างความร่วมมือเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ และ

5. การพัฒนาเทคโนโลยี ดิจิทัล และการสร้างนวัตกรรม

การประชุม APEC ส่งผลดีทันทีต่อเศรษฐกิจในประเทศไทย

นอกจากผลการประชุมที่จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกรอบที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ผลได้จากการประชุม APEC ที่เกิดขึ้นทันที โดยไม่ต้องรอการประชุมสุดยอดผู้นำ นั่นคือ ตลอดทั้งปี มีคณะของ 21 เขตเศรษฐกิจ APEC ในทุกระดับ ที่มาประชุมกันรวมแล้วกว่า 14 คลัสเตอร์ ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่ จนถึงรัฐมนตรีและผู้นำของประเทศ รวมทั้งกองทัพสื่อที่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะเข้ามาประชุม เข้ามาใช้บริการต่าง ๆ ทั้ง อาหาร โรงแรม การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมของที่ระลึก ขนส่ง ภาคบริการ และกาคการผลิตของไทยก็ได้รับผลประโยชน์ไปแล้ว ลองนึกภาพว่าแต่ละประเทศที่เข้ามาประชุมมีคณะทำงานตั้งแต่ 10 ท่าน จนถึงระดับผู้นำที่มีคณะทำงานหลักหลายร้อยร่วมกับกองทัพนักข่าวอีกนับพัน ทั้งหมดคือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจในประเทศไทยเกิดการขยายตัวและยังช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี เพราะสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการประชุมล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือและความตั้งใจอย่างดีที่สุดของชาวไทยที่จะนำเสนอต่อสายตาชาวโลกทั้งสิ้น

APEC 2022 เป็นการประชุมใหญ่ครั้งแรกในรอบหลายปี

เหตุผลประการที่สองที่ยิ่งทำให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญนี้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และยิ่งทำให้ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพมีความสำคัญมากนั้น เนื่องจากตลอด 4 ปีที่ผ่านมา การประชุม APEC มักจะเกิดอุปสรรคขึ้นเสมอ ๆ เริ่มตั้งแต่ สหรัฐอเมริกาเริ่มต้นประกาศสงครามการค้ากับ 15 ประเทศที่สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้าด้วย โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสงครามการค้าในครั้งนี้ที่เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2532 ทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ที่ควรจะต้องหารือกันเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจไม่สามารถบรรลุผลการประชุมร่วมกันและออกแถลงการณ์ร่วมกันได้ในปี พ.ศ. 2532 ที่มีประเทศปาปัวนิวกีนีเป็นเจ้าภาพ ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองขึ้นในประเทศชิลี ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมในปีนั้น ทำให้ไม่มีการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ขึ้น

จากนั้นทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์กับการแพร่ระบาดของ COVID – 19 ทำให้ในปี พ.ศ. 2563 – 2564 การประชุม APEC ไม่สามารถเกิดขึ้นได้แบบพบหน้าในที่ประชุม หากแต่ต้องใช้ระบบการประชุมทางไกล แม้จะสามารถบรรลุเป้าหมายและออกวิสัยทัศน์ “ปุตราจายา 2040” และ “Aotearoa Plan of Actions” ได้ แต่สิ่งที่ทั่วโลกจับตามองมากกว่าการประชุมใน Plenary Session คือ Sideline meetings ที่ผู้นำจะได้พบปะกันเป็นกลุ่มย่อย เพื่อสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่พิเศษมากกว่าการประชุมหลัก รวมทั้งการพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้นำกับผู้นำและระหว่างผู้นำประเทศกับผู้บริหารระดับสูงของภาคธุรกิจ ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานกว่า 3 ปีทีเดียว 

ดังนั้นการประชุมที่เกิดขึ้นตลอดปี พ.ศ. 2565 และการประชุมสุดยอดผู้นำที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จึงเป็นการประชุมแบบพบปะ ถกแถลง เสวนาแบบเจอตัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทั่วทั้งโลกกำลังต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เพื่อฟื้นฟูห่วงโซ่มูลค่าระดับนานาชาติหลังการระบาดของ COVID – 19ท่ามกลางวิกฤตการณ์อาหาร วิกฤตการณ์พลังงาน สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี และความพยายามของบางประเทศที่ต้องการใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจเป็นอาวุธในการกดดันประหัตประหารบางเขตเศรษฐกิจ

APEC คือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับสูงสุดที่ทั่วโลกกำลังต้องการ

สถานการณ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้โลกต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับสูงที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพก็ได้เตรียมความพร้อม จัดการวาระการประชุม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างเพียบพร้อมมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้า เพื่อให้การประชุมครั้งสำคัญนี้บรรลุผลดังที่ทุกคนต้องการ นั่นคือ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความรับผิดชอบเพื่อให้เศรษฐกิจของทั้ง 21 เขต และของทั้งโลกพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรับผิดชอบ สร้างสรรค์และยั่งยืน โดยมีการเตรียมการผลักดันเป้าหมายกรุงเทพ หรือ Bangkok’s Goals อันประกอบไปด้วย 4 เป้าหมาย ได้แก่

1) ร่วมกันสร้างระบบการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน (Sustainable Trade and Investment)

2) ร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

3) ร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นเขตเศรษฐกิจผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ 

4) ร่วมกันบริหารจัดการของเสียและขยะอย่างยั่งยืน

วิสัยทัศน์ปุตราจายาภายใต้กรอบเอเปค ปี ค.ศ. 2040 (ล้อมกรอบ)

ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคให้การรับรองเมื่อปี 2563 เพื่อเป็นเป้าหมายในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานเอเปคในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยมีสาระสำคัญ คือ

(1) การค้าและการลงทุน เน้นย้ำว่าภูมิภาคเอเปคจะต้องมีพลวัตและเชื่อมโยง โดยมุ่งมั่นการดำเนินงานบนพื้นฐานความสมัครใจ ไม่ผูกพัน และมีฉันทามติ สนับสนุนการดำเนินงานของระบบการค้าพหุภาคี เพื่อนำไปสู่สภาพแวดล้อมทางการค้าโลกที่มีเสถียรภาพและคาดการณ์ได้ และการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เพื่อนำไปสู่การจัดทำ FTAAP ที่มีมาตรฐานสูงและครอบคลุม

(2) นวัตกรรมและการเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยส่งเสริมให้ประชาชนและการดำเนินธุรกิจสามารถมีส่วนร่วมและเติบโตอย่างเชื่อมโยงกันด้วยนวัตกรรมดิจิทัล  

(3)  การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็ง สมดุล มั่นคง ยั่งยืน และครอบคลุม เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพ นำมาซึ่งผลประโยชน์ที่ชัดเจน และสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนภายในภูมิภาคเอเปค เน้นเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ เพื่อให้ประชาชนมีทักษะและความรู้สำหรับอนาคต รวมทั้งรับมือกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยพิบัติต่าง ๆ

นอกจากนี้ เพื่อรักษาบทบาทของ APEC ให้โดดเด่นเป็นเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและเป็นแหล่งบ่มเพาะความคิดที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล และพัฒนาองค์กรให้มีธรรมาภิบาล ให้ภาคส่วนต่าง  ๆ มีส่วนร่วมบนหลักการของความเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกันและมีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยจะมีการทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการตามที่เหมาะสมต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Close